วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เมื่อแพททริคทำถาดขนมไทยคว่ำ Dec 2015

เมื่อแพททริคทำถาดขนมไทยคว่ำ Dec 2015

แพททริคตอนนี้อายุใกล้ 6 ขวบแล้ว และที่อนุบาลมณีรัตน์ ก็มีการนำเสนอ project ขนมไทย เราก็ไปซื้อขนมไทยเก้าพี่น้องถาดกลางไปให้ที่โรงเรียน ..

ตอนเย็นกลับมาแพททริคทำหน้าเศร้าแล้วบอกกับหม่าม้าว่า แพททริค ใจร้อนเดินถือถาดขนมไทยคว่ำ...เพื่อนเพื่อนเลยอดกินขนมไทยของแพททริค... อีกวันเราซื้อถาดใหม่ไปให้..ตอนเช้าแพททริค บอกว่าแพททริคไม่ถือนะ เพราะกลัวมันคว่ำอีก... เราค่อยค่อยนั่งลงคุยกับแพททริคว่า..

แพททริคลูกรัก...ไม่ต้องกลัวมันคว่ำหรอกครับ เมื่อวันที่แล้ว แพททริครู้แล้วว่ามันคว่ำยังไง วันนี้ลองใหม่ พยายามไม่ให้มันคว่ำอีกนะ... เราผิดผลาด เราเรียนรู้ แพททริคจะเป็นเด็กอนุบาลที่เรียนรู้ที่จะถือขนมอย่างระวังที่สุด เพราะแพททริครู้แล้วว่าเดินยังไงมันถึงคว่ำ

จากนั้น เก่งดูแพททริค เดินถือถาดขนมอย่างระวังที่สุด ขึ้นบรรได..ซึ่งครั้งนี้มันไม่คว่ำแล้ว..

เราค่อยค่อยเรียนรู้จากความผิดพลาดกันไปทั้งแม่ทั้งลูกเน้อ  18 Dec 2015

ปล วันนึงแพททริคอาจกลับมาอ่านว่าเราสอนอะไรเขาไปบ้าง....


วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Success is not a destination but a journey

Success is not a destination but a journey

เมื่อวานติวสอบลูก ลิซซี่ก็แบบ ทาเล็บบ้าง วาดรูป ทำหน้ากาก รู้สึกเหมือนลางานไปฝึกความอดทน.. เมื่อเช้าซี่หน้าจ๋อยนิดนึง หม่าม้าถามว่าทำไมซี่บอกว่ากลัวทำไม่ได้ เรายิ้มแล้วหอมแก้ม... ตอนนี้จะตกจะผ่านหรือไม่ไม่สำคัญ เราติวกันแล้วเมื่อวาน การสอบคือการทำความเข้าใจว่าครูต้องการสื่อสารอะไรและเราเข้าใจกับการสอนและการสื่อสารของครู now go and have fun..
มันไม่ใช่แค่การสอบของลูก แต่หลายหลายสิ่งในชีวิตเรา งาน ความรัก ธุรกิจ วิธีการทำสำคัญ และสนุกกว่าเป๋าหมายเสียอีก... 21 Jul 15

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สร้าง 21st Century Skill การเห็นใจและช่วยเหลือผู้อื่น

เมื่อสองคืนที่แล้ว 28 Jun 15 ก่อนนอนเราสองแม่ลูกมักคุยกัน หลังสวดมนต์และท่องศัพท์ เราสามแม่ลูกจะอ่านนิทาน และจากนั้นเป็นเวลาที่ลิซซี่จะคุยสิ่งที่เธอกังวลใจออกมา.. วันนั้นเก่งเล่านิทานเรื่องโซเฟียเดอะเฟิร์ส ตอน ประกวดชุดแฟนซี ซึ่งเนื้อหาเกี่ยวกับการช่วยเหลือและแบ่งปันผู้อื่น..

ลิซซี่เปรยว่า ที่โรงเรียน น้อยหน่าไม่มีเพื่อน..ชอบทำอะไรคนเดียวทานข้าวเสร็จก็มานั่งคนเดียว ทำอะไรเสร็จก็ไม่ไปวิ่งเล่นเหมือนคนอื่น... แล้วลิซซี่ก็หลับไป ดูวิธีการเล่าลิซซี่ทำให้เราคิดไม่ได้ว่าลิซซี่น่าจะกังวลใจพอดู..

รุ่งเช้าเก่งเลยคิดแผนช่วย... หม่าม้าจะให้เงินหนูสิบบาท พาเพื่อนไปซื้อขนมน๊ะ แต่พอวานเย็นกลับมาลิซซี่บอกว่าให้เงินน้อยหน่าไปเฉยเฉย..ฮึมแต่ลิซซี่ก็เล่าอีกว่า ได้ไปฟัง concert คนร้องเพลงกับน้อยหน่าด้วย...(ตัวเองแอบงง ฝันหรือเปล่า)

(การชวนเพื่อนไปซื้อขนมจะชวนเพื่อนไปแลเวให้เพื่อนอองเงินเองก็กะไร...เลยให้เงินไปเผื่อ..)

กลับมาที่ก่อนนอนเมื่อคืนทางโรงเรียนมีใบงานมาให้ทำ ดูเหมือนคุณพ่อคุณแม่จะช่วยลูกทำอย่างหนัก..
การแข่งขันมีส่วนดี....เพราะช่วยให้เกิดการพัฒนา... แต่ถ้าเน้นแข่งขันอย่างเดียวจะทำให้ขาดการเห็นใจผู้อื่น จะเป็นคนที่เห็นแต่ส่วนตน ดังนั้นการพัฒนาเด็กให้เป็นคนทีจะเห็นใจและคิดถึงผู้อื่นต้องเริ่มตั่งแต่ยังเล็กยังน้อย...

อุทาหรณ์ เพื่อนที่ทำงานไพรินเป็นโรคมะเร็งที่อายุยังน้อย 30 กว่ากว่า ไพรินต้องหยุดงานไปรักษาตัวที่บ้าน และได้เจอหมอที่ดีมากหนึ่งคน และหมอเกย์ขี้วีนอีกคนนึง ไพรินโทรมาว่าหมอบอกว่ามาที่ห้องฉุกเฉินทำไม ที่นี่มีไว้สำหรับคนอาการหนัก แต่โรคมะเร็งทำให้ไพรินปวดมากเหมือนอยู่ในนรกเลย หมอกลับพูดกับเธอแบบนั้น ไม่มีจรรบาบรร และไม่รักในอาชีพของตนเลย...การเป็นหมอคือช่วยผู้อื่นทั้งกายและใจ..และไม่ถึงเดือนไพรินก็เสียชีวิต.. ถามว่าหมอเก่งไหม ต้องตอบว่าคงเรียนเก่ง แต่ถามว่าหมอเห็นใจไพริน ณ วันนั้นไหม คงตอบว่า ไม่เพราะถ้าเห็นใจคงไม่ใช้สำเนียงเช่นนั้น..

ทำให้เราเมื่อเป็นแม่กลับมาดู..เราจะสร้างยอดมนุษย์ที่เก่งเหนือคนอื่นแล้วไม่รู้จักเห็นใจและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยใจจริง.. หรือเราจะสร้างอนาคตของชาติ คนเก่งและคนดีที่นึกถึงคนอื่นเสมอ ?

เมื่อวานนี่คือภาพแชร์ใน line กลุ่มที่คุณพ่อคุณแม่ถูมิใจช่วยลูกทำ ถามว่าเด็กอายู 6-7 ขวบต้องการ skill นี้แค่ไหน




สำหรับแม่อย่างเราขอตอบว่า skill การคิดคำนวณขาดไม่ได้ แต่ skill ที่สำคัญมากกว่าในการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นอย่างเห็นใจ เป็น skill สำคัญไม่แพ้กัน การจะทำให้เด็กหนึ่งคนเห็นใจผู้อื่นนั้นเป็นเรื่องไม่ยากและไม่ง่าย เราอาจมาช่วยกันสร้างอนาคตของชาติให้เป็นคนดีตั้งแต่เล็กเล็กได้ เพราะเมื่อโตไปมันจะยากขึ้นเป็นลำดับ

ในกรณีนี้ ลิซซี่จะได้เรียนรู้การช่วยเหลือผู้อื่น
น้องน้อยหน่า จะได้รู้สึกอุ่นใจ มีเพื่อนมาพูดคุย
มิตรภาพของทั้งสองจะค่อยค่อยเบ่งบาน
ตัวเก่งในฐานะแม่ รู้สึกตื้นตันใจและอิ่มใจ ที่ลูกได้เดินในแนวทางที่อบอุ่น ช่วยเหลือผู้อื่น
ส่วนคุณแม่น้องน้อยหน่า คงรู้สึกอุ่นใจขึ้นที่มีเพื่อนร่วมทาง...     30 Jun 2015






วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558



วันนี้ใช้มุกเงียบปรามเด็กทะเลาะกัน ประจำไม่ยอมเข้านอน กว่าจะแปรงฟันบอกหลายที จะ3 ทุ่มแล้ว ลิซซี่ยังขอเล่น ipad สรุป เล่นap ที่ต้องมใส่รูปหน้าทุกคน ในครอบครัว แพททริคไม่ยอมให้เอารูปแพทริคใส่เข้าไป ลิซซี่ไม่ยอม ทาเลาะกัน ทุกคนร้องไห้...
วันนี้แม่เงียบหลับตา 3 นาที เพราะเหนื่อยที่จะบ่น ทุกคนเริ่มหยุด เพราะแม่ไม่ค่อยเป็นแบบนี้...
ก่อนแปรงฟัน 
หม่าม้า : แม่ไม่อยากจะเป็นยายแก่ผมฟูขี้บ่น ต่อไปนี้แม่จะเงียบ
ทุกคน : แปรงฟันแต่โดยดี...
ตอนที่ทั้งสองคนร้องไห้เพราะทะเลาะกัน : แพททริค ร้องไห้หน้าเบะแล้วบอกว่า พรางร้องไห้ หม่าม้า ฮือฮือ หม่าม้าค้าบ : ร้องต่อ หม่าม้าเป็นยายแก่ขี้บ่น (ขณะเราเงียบและแกล้งหลับตา) หม่าม้าค้าบบ หม่าหม้าอยากเป็นยายแก่หัวฟูขี้หลับ อีกด้วยเหรอ
(ขำมากแต่หัวเราะไม่ออก) ทุกอย่างเชื่อมโยงกันไปหมด... ลิซซี่ร้องไห้ต่อบอก ขอโทษหม่าม้า...
สรุป คืนดีจบด้วยดีด้วยวิธีการไม่บ่น เงียบหลับตา 3 นาที
(นอกจากเป็นยายแก่ขี้บ่นแล้ว คืนนี้เป็นยายแก่หัวฟูขี้หลับอีกด้วย....)

being supportive not to lead

สำหรับเด็ก : being supportive not to lead
คุณครูเตือนใจ เมื่อเช้ามีโอกาศได้คุยกับครูเกศเรื่องแพท หลาน.. รีบคุยไปใหญ่ว่าถ้าจบตรีแล้วต่อโทหรือคอร์สภาษา ครูเกศบอกว่ารอน้องจบก่อนดีไหมคะ.. เราก็คิดว่าน้องจะต้องหาเลี้ยงครอบครัวเลยลืมนึกไปเลยว่า น้องชอบอะไร.. ครูเกศแนะนำแพทจะต้องขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่เราไป lead ตลอด วิธีที่ไม่แพงคือที่สวนลุมมีกิจกรรม มากมายให้น้องเขาไปลองเรียนศึกษาหาตัวเองให้เจอ..

กลับมามองตัวเองก็จริงใครจ้างให้เรียนโทคงไม่มีวัน (ใช้ศัพท์ลูกลูก "ไม่มีวัน") ดังนั้นเราจะไม่รีบมองที่การศึกษาสูงสุด แต่จะมองที่ base การศึกษาแล้วต่อยอดด้วยความชอบรวมถึงเด็กเด็ก inspiration .. บทเรียนนี้จะสอนเราไม่ให้บังคับลูกไม่จะsupport เขาในทางที่เขามีความสุข..เพราะ n the end ลูกลูกหลานหลานต้องหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเขาเอง..22 Jun 2015

วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2558

สวัสดีตัวเองและลูกลูกทั้งสอง สุดที่รักของแม่ลิซซี่ & แพททริค...


แม่อยากเขียนเรื่องราวของเราทั้งสามและบันทึกเอาไว้ in the cloud...เพราะวันหนึ่งพวกเราจะได้กลับมาอ่านความทรงจำอันนี้งามนี้ไว้ มันไม่ใช่ทุกวันที่พวกเราหัวเราะแต่แน่นอนหละ ชีวิตคงจะไม่สนุกถ้ามันไม่ครบทุกรส (รึเปล่า?)

วันนี้วันที่ 17 มีนาคา 2558 เป็นวันที่สองที่ ลิซซี่ไปโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ เข้า ประถม 1  วันนี้พวกเรา (หม่าม้า พี่ดวน แพททริค)รวมลิซซี่นั่งรถ taxiจากคอนโด  พวกเราเดินจากถนนสาธรเพื่อไปส่งลิซซี่หน้าโรงเรียน ...จะว่าไปแล้วมันเป็นตอนเช้าที่อากาศดีทีเดี่ยว... ลิซซี่จูงมือ พี่ดวน หม่าม้าจูงมือแพททริค ก่อนถึงโรงเรียนพวกเราเจอน้องมินนี่กับพี่ปุ๊กด้วย พวกเราขึงเดินไปพร้อมกัน..

ถึงแม้เราไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านต่างจังหวัดแต่เราพยายามใช้ชีวิตในเมืองกรุงเทพแห่งนี้ให้เหมือนอยู่ในหมู่บ้านเล็กเล็กที่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน...

เมื่อถึงประตูโรงเรียน ลิซซี่ไหว้พี่ดวน say goodbye น้องแพททริค และจุ๊บปากหม่าม้า 1 ที...แล้วลิซซี่ก็เดินเข้าโรงเรียนไปอย่างกล้าหาญ...ระหว่างทางมีครูกลุ่มหนึ่งคอยยืนคอยช่วยเหลือ ลิซซี่เดินตรงไปทางนั้น หลังจากคุณครูกระซิบ ลิซซี่ก็เดินต่อไป...คิดว่าลิซซี่กระโดด1-2ที แล้วยิ้มเหมือนว่า ฉันกำลังไปที่ห้องเรียนของฉันแล้วนะ...

การได้เห็นลิซซี่มีความพร้อมในวันที่สองของการเข้าเรียนดรงเรียนขนาดใหญ่ซึ่งมีเด็กเกือบ ห้าพันคน...
ทำให้หม่าม้าสบายใจขึ้นมาบ้างว่า...ลิซซี่ลูกน้อยของแม่ได้เริ่มต้นการผจญภัยเล็กเล็กขึ้นแล้ว..

เมื่อวานป่าป้าและมาย่าไปส่งลิซซี่วันแรก และก่อนนนอนเราสามคนมีบทสนทนาดังนี้..

ก่อนนอนลิซซี่ บอกเรื่องวันนี้สองสามเรื่อง
1 ชอบงานเย็บผ้ามากที่เซนต์โยสอนวันนี้ ให้เย็บป้ารองถาด
2 มีเพื่อนใหม่นั่งข้างข้าง ลิซซี่นั่งแถวที่ 4 เพื่อนใหม่ชื่อ หนูดี
3 ถ้าลิซซี่ตายอีก 2 ครั้งจะเกิดเป็นอะไร...ลิซซี่จะเกิดเป็นคนไหม เพราะซี่ปารองเท้าใส่ลุงเทพ ( คนขับรถ) ที่เขื่อนแก่งกระจาน โถยังเก็บมาคิด น่ารักจริงจริง
4 ก่อนนอน ลิซซี่อ่านหนังสือนิทานให้กม่าม้ากับแพททริคฟังทั้งเล่ม
จะเริ่มเขียน blog พรุ่งนี้เกี่ยวกับ ลิซซี่ & แพททริค ออกผจญภัยในโลกกว้าง....
17 มีนาคา 2558 เวลา 08:21
เก่ง กุสุมาพร