วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2566

น้ำหมัก EM คือ Effective Microorganisms

 



EM ย่อมาจาก Effective Microorganisms หมายถึง “กลุ่มจุลินทรีย์ที่มี มีประโยชน์ต่อคน พืช สัตว์ และสิ่งแวดล้อม” 

Microorganisms คืออะไรมีความสำคัญยังไงกับ ดิน พืช รวมถึงมนุษย์

Microorganisms ประกอบด้วย 

1. แบคทีเรีย (Bacteria) 2. เชื้อรา (Fungi) 3. โปรโตซัว (Protozoa) 4. สาหร่าย (Algae) 5.รวมถึง Virus

พวกมันจะช่วยย่อย กิน ซกพืช ซากสัตว์ รวมถึงตัวพวกมันเอง และเกิดมาเป็นธาตุอาหารที่พืชได้นำไปใช้ได้ทันที

ทั้งหมดนี่มีความสำคัญเช่นไร เราเริ่มจากพืช บนดิน พืชต้องการ แสงค์ CO2 และใต้ดิน พืชต้องการน้ำ และแร่ธาตุต่างๆ เพื่อทำให้มันเติบโต เหนือดิน แสงและ CO2 พืชจะเก็กกับ CO2 ไว้ที่รากของมันประมาณ 40% ส่วนรากของพืชนั้น ต้องการ Microorganisms เป็นอย่างมาก หากไม่มี Microbs พืชจะค่อยๆแห้งเหี่ยวและตายจากไป หรือ ไม่ทนทานต่อโรคต่างๆ 

องค์ประกอบของพืช

C 45% คอร์บอน

O 45% ออกซิเจน

H 6% ไฮโดรเจน

N 1.5%   ไนโตรเจน

รวม  CO2 =90%

ในขณะที่ ธาตุอาหารเราอื่นๆรวมกัน  MG, K, Ca, P, S รวมกัน =2%

นักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน

Microbiology U.S.S.R

ที่สำคัญที่สุดของส่วนประกอบของดินคือคาร์บอนไดออกไซด์ และ การเสื่อมสลายหรือการย่อยปุ๋ยในสารอินทรีย์ทั้งหมด

การที่จะมีดินที่ดี จะต้องมีจุลินทรีย์ หรือ สมดุลของ Microorganism เรียกสั้นๆว่า Microbs

สิ่งชีวิตขนาดเล็กที่สามารถมองได้เห็นมองไม่สามารถมองให้เห็นได้ตาเปล่าต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ได้แก่

1.แบคทีเรีย

2. รา

3. ยืสต์

4. โปรโตซัว

5. ALGAE

6. ไวรัส

ซึ่งพืชแต่ละชนิดจะมีความสมดุลของแบคทีเรียและราไม่เท่ากัน

ต.ย. เช่น

หญ้าต้องการ แบคทีเรีย:รา 10:1

ผัก ต้องการ แบคทีเรีย:รา 1:3/4

ผลไม้องุ่น แบคทีเรีย:รา 1.5:10

ป่าสน แบคทีเรีย:รา 1:1000


ดินที่ที่ทำให้พืชแข็งแรงจะส่งผลให้พืชผลประโยชน์ทางโภชนาการสูงมาก

เราต้องการความสมดุลในดินเพื่อจะให้เป็นที่อยู่และกิจกรรมที่ถูกต้องของแบคทีเรียและราและ microbs อื่นๆ


มาดูส่วนประกอบของ 

Microbs ต่างๆ

แบคทีเรีย C5:1 N

มีส่วนประกอบของคาร์บอน 5 เท่าต่อ 1 ไนโตรเจน

รา C20:1N

คาร์บอน 20 เท่าต่อ 1 ไนโตรเจน

โปรโตซัว C30:1N

คาร์บอน 30 เท่าต่อ 1 ไนโตรเจน

ไส้เดือน C150:1N


แปลว่าเมื่อโปรโตซัวไปกินแบคทีเรียมันจะเหลือไนโตรเจนเอาไว้และองค์ประกอบในตัวมันเองมันจะไม่สามารถเก็บไนโตรเจนไว้มันก็จะปล่อยไนโตรเจนกับสู่ดินนั่นเอง


DR. Elalne พูดไว้ในตารางธาตุที่มีการ ปลูกแบบ ใช้สารอินทรีย์

ไนโตรเจนในพืช จะอยู่ที่ 2,000 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัม

และมีฟอสเฟตและซัลเฟอร์ ทั้งหมดดังกล่าวมีจำนวนมากซึ่งไม่จำเป็น ต่อการใส่ปุ๋ยเลย


การทำน้ำหมักก็ง่ายแสนง่าย โดยนำอินทรย์วัตถุมาใส้น้ำ และน้ำตาล ทำให้เกิดจุลลินทรย์ต่างๆขึ้นมา

ตัวจุลลินทรีย์ไม่ใช่อาหารของพืช แต่จะเป็นตัวย่อย อินทีย์วัตถุ เช่น  ซากพืช ซากสัตว์และ microbs ซึ่งการกิน การย่อยนั้นจะทำให้ Microbs คาย ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแทสเซียมออกมาให้พืช ส่วนพืชก็ให้กลับด้วยน้ำตาลซูโครสและคาร์โบไฮเดรต จะเห็นว่าเป็นความสำพันธ์ที่แสนเกื้อกูลและน่ารัก งดงามมากๆ

การเก็บ ควรเก็บในที่ทึบแสง หากยังไม่ใช่ใส่ถุง ziplock ใส่ในตู้เย็นเพราะ Microbs จะชะลอการเติบโต


REF https://www.youtube.com/watch?v=NuHEoix8HFo&list=PL9E_KsXWYvDP-RSrsc6SXCeCHHcIq1-9Y&index=147&t=779s

วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2566

การปลูกป่า ปลดหนี้ สร้างรายได้ที่ยั่งยืน และยังช่วยโลก

วนเกษตร (อ่านว่าวัน-นะ) เมื่อวานฟัง yutube คนรักป่า

ทำเกษตรให้มีกินตลอดชีวิตทำอย่างไร ดร. เกริก มีมุ่งกิจ ปลูกป่ามีเงินใช้หลังเกษียณ

ท่านได้ อธิบายได้น่าสนใจมากๆ

หากเราปลูกพืชเชิงเดี่ยวตลอด แล้วเมื่อเราอายุมากเราปลูกไม่ไหวเราจะเอาอะไรกิน เช่นปลูกสลัด ปลูกฟักทอง ปลูกพืชที่ให้ผลผลิต 6 เดือน หากเรามองไปไกล สิ่งที่ท่านพูดคือเรื่องจริง หากท่านลองนึกตาม

หากเราจะหาทางรอดต้องทำเกษตรแบบยั่งยืน ไม่ใช่ปลูกตามเพื่อน ตามนายทุน ต้องคิดให้ดีว่าปลูกแล้วเราจะขายใคร ขายตลาดเค้ากดราคาไหม ของเกลื่อนตลาดเหมือนๆกันราคาตกต่ำ

ปัญหาของเกษตรกร คือ การทำตลาด คนกลางกดราคา เรื่องเดิมๆที่มีมาตั้งแต่จำความได้


แข่งกันปลูกออกมาสินค้าล้น นี่คือเรื่องจริง หากท่านใดมีประสบการณ์ปลูกพืชเชิงเดี่ยวจะเข้าใจว่า ไม่สามรถปลดหนี้ได้ซักทีมีแต่เป็นหนี้ วนไปเช่นนี้

อยากมีรายได้ตลอดแม้กระทั่งเราอายุ 90 ปี ถ้าเราอยู่ถึง การปลูกป่าคือทางรอดที่ปลายทางเรารอดแน่ๆ

ตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 ปลูกป่า 3 อย่างได้ประโยชน์ 4 อย่าง คืออะไรกันแน่ ลองกลับไปฟัง ดร.เกริก ท่านพูดไว้ได้น่าสนใจ ไม่มีพระราชาที่ไหนอยากให้เราใช้เงินแบบกระเบียดกระเสียน อดอดอยากๆหรอก

ฟังแล้วก็กลับมานั่งคิด นอนคิด และลงมือทำ


สำหรับพนักงานในเมืองทำ office เวลาเราลงทุน เราก็ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ กองทุนรวมบ้าง

เปรียบเทียบกับลงทุนในกองทุน บางปีขึ้นปางปีลงแต่ที่ 30 ปีขึ้นแน่นอน แต่ไม่รู้เท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ท่านอาจจะเคยติดดอยอยู่หลายครั้งหลายครา แต่ถ้ามีที่ปลูกป่า ยังไงได้แน่นอน อย่างไรกลับไฟฟังท่าน ดร เกริก ทำเกษตรให้มีกินตลอดชีวิตทำอย่างไร 

ระหว่างทางอีก 10-20 ปี เราจะกินอะไรในเมื่อเราปลูกป่า เรากลับมานั้งคิดว่า การปลูกผลผลิตให้ได้ราคาดี ต้องใช้สารเคมีและปุ๋ยเป็นจำนวนมาก ซึ่งนี่คือต้นทุนในการเกษตร หากเราลดใช้สารเคมี และสร้างความแตกต่าง เราอาจหันมามองวิถีการเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมี ก็ต้องกลับมาที่ จะทำยังไงให้ระบบนิเวศในไร่หรือฟาร์มเราเกิดความสมดุลมากที่สุด


ก่อนที่จะมาฟัง yutube ดร เกริก คิดว่าจะปลูกป่ามะริด เพื่อนำมาขายต้นกล้าขายได้รายได้ในระยะสั้นและในระยะยาวนำไม้เนื้อแข็งไปขาย และหากไม่ได้ใช้ต้นในการค้าขาย เราก็ปลูกป่าสร้าง Oxegen แต่การปลูกป่าไม้เชิงเดี่ยวเป็นอะไรที่เราคาดไม่ถึงนอกจาก...

 ต้นไม้จะโตช้า ระบบนิเวศน์จะไม่สมดุล เพราะขัดกับธรรมชาติ การปลูกพืช หรือ ป่าเชิงเดี่นวจะทำให้ พืชและสัตว์ไม่สมดุล เนื่องจากแมลงแต่ละชนิดจะหากินและอาศัยในพืชแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่นหากเราปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่ล่อเพลี้ยงแป้ง แต่เราไม่มีต้นไม้ที่แมลงห่ำตัวอื่นอาศัยอยู่ เพลี้ยแปล้งก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราต้องวางแผนการปลูกป่าให้มีความสมดุลมากขึ้น คือหนทางรอดจากแมลงศัตรูพืชต่างๆ ผู้ล่าออกหากิน ควบคุมกำจัดแมลงให้อยู่ในจำนวนที่ไม่ทำร้ายสวนเรา ทางเลือกสมัยนี้มีเยอะมาก

มีงานวิจัยรองรับมากมาย เช่นเชื้อราบิวเวอเรีย ซึ่งสามารถหาอ่านได้มากมายใน yutube

ยกตัวอย่างมาให้ นะคะ  บิวเวอเรีย รากำจัดแมลงศัตรูพืช กับ ดร.มงคล อุตมโท

จาก ศูนย์พัฒนาวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ

สถ สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร

สวทช สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

ซึ่งรายละเอียดมีในคำถามตอบในyutube ดังกล่าว

 


จะปลูกไม้ป่าให้โตไว ทำอย่างไรดี ?

แต่เราต้องเข้าใจธรรมชาติของต้นไม้

1. ต้นไม้ไม่กินใบของมันเอง แต่จะกินใบของมันรวมกับใบของต้นอื่น เพราะใบไม้ของต้นหล่นลงมาคือเป็นของเสียที่ไม่ใช้แล้ว เช่น สักทองใช้ไนโตรเจนเป็นหลัก คายฟอสฟอรัส โพทัสเซียม ธาตุเหล็กเต็มแปลงที่มันไม่กิน 

2.ต้นไม้ที่โตปานกลาง โตช้า เมื่อปลูกร่วมกับต้นไม้โตเร็วมันจะโตเร็วทันทีเพราะต้นไม้ต้องการแสง พูดให้เห็นภาพคือ โตช้าฉันตายแต่ ดังนั้นต้องรีบยืด

ในการสังเคราะห์แสง มันจึงแข่งกันโต เพราะมันจะเหยียดตรง สูงเพื่อสังเคราะห์แสง พอเราตัดต้นใหญ่ออก มันจะอ้วนเอง นี่คือเทคนิค ยกตัวอย่าง ปลูกสักทอง หน้าหลัง ซ้ายขวา ต้องไม่ใช่สักทอง รอให้ไม้สูงที่สุดก่อน จากนั้นมันจะออกข้างเอง เหมือนมนุษย์ยังไงยังงั้นเล็กๆ ผอมสูง โตไปเริ่มอ้วน ตามตัวอย่าง การเล่าของ ดร. เกริก

3. วิธีการปลูก 4x2 เมตร 1 ไร่จะได้ 200 ต้น สมมุติปลูก 5 ไร่ 1000 ต้น

3 ปีแรกให้ปลูกพืชล้มลุก พลูกินหมาก ดีปลี พริกไทย อย่าให้ที่ว่าง ระหว่างแถว 4 เมตร

ขายพันธ์พืช ปักชำไปเรื่อยๆ

ปีที่ 4 ให้ผลผลิตเต็มที่ 2 ปีขึ้นไป

50 ปีผ่านไป....มีต้นไม้ใหญ่ๆ 1000 ต้น สมุมติตัดโค่น เดือนละ 5ต้น

ราคากระจอกสุด 25000 ต่อต้น เดือนละแสน

1000/5 ต้น ตัดขายได้อีก 17 ปี

พริกไทย 50 ปีตายแล้ว และปลูกได้แค่ 6 ประเทศในโลก หรือ กระชาย ขมิ้น กาแฟ


ไปดูราคาไม้กันดีกว่านะคะ

ราคาไม้จำปาทอง  จากประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่ ปลูก 17 ปี เส้นรอบวง 2 เมตร ต้นละ 30,000 บาท

หรือ Siamese Rosewood คือไม้ที่มีราคาแพงที่สุดในเมืองไทย ณ ขณะนี้

สำหรับไม้ท่อนใหญ่ๆ ต้นสวยๆ ราคาในประเทศไทยขายกัน ลูกบาศก์เมตรละ 300,000-500,000 บาท (ไม้สัก ลูกบาศก์เมตรละ 30,000-50,000 บาท) มีการเปรียบเสมือนมีคนเอาทองคำไปแขวนอยู่ตามป่า จะเฝ้าอย่างไร ก็ไม่มีทางรอดพวกจ้องจะสอย 

แต่เอาง่ายๆไปดูราคาที่รัฐประเมินเอาไว้ ราคาไม้


เห็นราคาแล้วแอ๊ดหัวจะปวด มาดูเพื่อโลกกันบ้างดีกว่า

การปลูกต้นไม้ยืนต้น 1 ต้น สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ย 9 – 15 กิโลกรัม CO2 ต่อปี แถมยังช่วยผลิตออกซิเจนได้เพียงพอสำหรับ 2 คน ต่อปี และช่วยลดอุณหภูมิรอบพื้นที่ปลูกได้ 2-4 องศาเซลเซียส ยิ่งเราปลูกต้นไม้ถูกวิธี


update 14 เมษา 2023