วันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

วิธีการปลูกและเพาะต้นสักทอง และบำรุงดูแลรักษาต้นสักทอง


วิธีการปลูกต้นสักทอง และบำรุงดูแลรักษาต้นสักทอง

การเพาะต้นสักที่ได้รับความนิยมมี 2 ทาง จากการเพาะเมล็ดและจากการปักชำโดยใช้เหง้า

วิธีเพาะเมล็ดสักทอง

1. นำเมล็ดแช่น้ำไว้ 2 คืน ถ้าเป็นน้ำอุ่นจะดีมากให้อุ่นแบบมีสัมผัสได้ไม่ร้อนเกินไป

2. ดินที่ใช้เพาะเป็นดินร่วน หรือถ้าไม่มีดินร่วนให้นำหว่านกับพื้นแล้วกลบด้วยแกลบดำผสมทรายหยาบกลบพอให้มิดเมล็ด

3.ช้ไม้เล็กๆกดเมล็ดหรือค่อยๆเหยียบให้เมล็ดจมอยู่กับพื้นหรือเทคนิค เอาไม้กลมหรือท่อ PVC มา roll เหมือนรีดแป้งเพื่อให้เมล็ดสักจมดินแล้วเอาดินกลบพอให้มิดเมล็ดอย่าหนาเกินจะทำให้เมล็ดงอกยาก

4. รดน้ำ 2-3 วันครั้ง ประมาณ 1-2 เดือน จะเริ่มงอก จะนำไปเพาะหรือจะทำเป็นเหง้า ใช้ปลูกในปีถัดไปได้







วิธีการปักเหง้าสักทอง


1. ต้นกล้าของสักทองที่จะนำมาปักเหง้า ควรมีอายุ 1 ปี ขึ้นไป ถ้าต้นอายุต่ำกว่า 1 ปีลำต้นอาจไม่แข็งแรงเท่าที่ควรแต่อาจจะดูเอาที่ลำต้นแข็งแรงเป็นสีน้ำตาลซัก 8 เดือนก็ได้ เราจะได้ลำต้นที่แข็งแรงมาก จะสักเกตุว่าลำต้นจะเป็นสีน้ำตาล

2. ดึงต้นออกมาจากดิน เราต้องตัดรากฝอย และตัดยอด การตัดยอดเราตัดออกโดยนับจำนวนตา จากลำต้นตรงกลาง ตัดแบบเฉียงเพื่อเวลารดน้ำการตัดแบบเฉียงจะทำให้น้ำไม่ขังอยู่ที่แนวตัด

3. เตรียมถุงดิน หน้ากว้าง 2 นิ้ว ขึ้นไป ผสมดินปลูกทั่วไป ปักเหง้าลงไปลึกให้เหลือตา ลำต้นขั้นมาจากดิน 2 คู่

4. รดน้ำวันละครั้ง 1-2 อาทิตย์ ก็จะแตกยอด

5. เลี้ยงไว้จนลำต้นโต 3-6 เดือน และนำกล้าไปย้ายลงดินต่อไป







วิธีการปลูกต้นสักทอง


1.การปลูกต้นสักทอง การปลกูต้นไม้ควรปลกูในช่วงฤดฝูน ซึ่งมีปริมาณน้ำฝน หรือความชื้นเพียงพอให้ต้นไม้สามารถ ตั้งตัวและเติบโต มีโอกาสรอดตายสูง ระยะปลูกที่เหมาะสมประมาณ 4 x 2 เมตร ระยะแถวเดิน 2 เมตรระยะระหว่าต้น 4 เมตร
ขุดหลุมกว้างและลึกประมาณ 30 x 30 หรือ 50 x 50 เซนติเมตร

2.การกรีดถุงพลาสติกออก ระวังอย่าให้ดินแตกกระจาย แนะนำไม่ให้รดน้ำสัก 1 วันเพื่อให้ดินเกาะตัวแน่น
กระทบกระเทือนระบบราก นำกล้าวางลงปลูกให้ระดับโคนต้นพอดีกับผิวดิน

3.ในช่วง 1 - 3 ปีแรก สิ่งสำคัญคือ การกำจัดวัชพืช การตัดแต่งกิ่ง หากมีกิ่งแตกออกด้านล่าง ควรทำการตัดกิ่งออก เพื่อให้ลำต้นตรง ต่อมาเมื่อสักอายุประมาณ 6 - 10 ปี สักเติบโตหนาแน่นมากขึ้น

การปลูกพืชระหว่างต้นสักเพื่อหาพืชพี่เลี้ยง

"พืชพี่เลี้ยง". เราเคยสงสัยไหมว่า ทำไมต้องมีพืชพี่เลี้ยง

1.ธรรมชาติของพืชป่า คือระบบนิเวศน์ ในดินจะต้องมีสิ่งมีชีวิตหลกหลายเกื้อกูลกัน ไม่ว่าจะเป็น โปรโตซัว รา แบคทีเรีย หรือ Nematode เพื่อให้ครบองค์ประกอบของระบบนิเวศน์ป่า soil food web ลิ้ง https://en.wikipedia.org/wiki/Soil_food_web

การปลูกพืชเชิงเดี่ยวเราไม่สามารถทำให้ระบบนิเวศน์สมบูรณ์ได้เลยดังนั้น การเพิ่มความหลากหลายทางระบบนิเวศน์จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ในเมืองไทยนิยมปลูกกล้วยเป็นพี่เลี้ยง เนื่องจากเป็นพืชโตง่าย ไม่ต้องดูแลมากและทนแล้ง

2. ดินดีต้องการรากพืช รากพืชต้องการใบในการสังเคราห์แสง ดังนั้น พื้นที่ที่ว่างหากเราไม่ปลูกพืชตามธรรมชาติก็จะมอบวัชพืชมาให้เรา เราจะแก้ไขเรื่องวัชพืชได้อย่างไร่ สำหรับการปลูกป่าของ wegroeforest เราใช้การปลูกถั่วเขียวและปอเถือง ควบคู่ไปกับการปลูกไม้ยืนต้น เพราะพืชตระกูลถั่วช่วยตึงไนโตรเจนและยังเพิ่มคุณภาพให้กับดินอย่างมหาศาล เราใช้วิธีการปลูกแบบให้โต และเพี่ยวตายเลยโดยไม่ถอนและไม่ไถกลบ  ทำไมเราทำเช่นนั้น เนื่องจากระบบนิเวศน์ได้ถูกสร้างขึ้นแล้วหลังจากมีรากงอกออกลงดิน

ดังนั้นสิ่งมีชิตตั้งแต่ Microorganim รวมถึงสัตว์หน้าดินเช่น แมลงและไส้เดือน ย่อมมีที่อยู่อาศัยแล้ว ระบบนิเวสน์สร้างตัวแล้ว เราจะไม่ไปทำลายเด็ดขาด

3. การที่ ปอเทืองสูงเจริญขึ้นใช้เวลา 120 วัน ปอเทืองจะคลุมดินและแสงทำให้หญ้าอ่อนแอ หญ้าอาจตายหรือไม่ก็ได้ แต่ตอนนี้ไม้ยืยต้นของเรามีหมู่บ้าน มีเพื่อนบ้านแล้ว รอดูความงอกงามของต้นไม้ในป่าของคุณได้เลย


อ้างอิง ระบบนิเวศในการปลูกต้นสัก https://www.mdpi.com/2076-2607/9/9/1990






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น